ในช่วงที่เศรษฐกิจตึงตัวแบบนี้หลายคนหลายครอบครัวเจอปัญหา
รายได้ไม่พอ รายจ่ายเพิ่มขึ้น สิ่งแรกที่มักถูกมองว่าเป็น “ภาระ” ก็คือการชำระเบี้ยประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความจำเป็นที่เริ่มต้นทำ หรือเบี้ยประกันปีต่ออายุ
แต่…ทราบหรือไม่ว่า ความจริงแล้วการหยุดชำระเบี้ยประกัน อาจทำให้คุณเกิดความสูญเสียมากกว่าที่คิดความคุ้มครองที่สร้างมาเป็นปี ๆ ผลประโยชน์ที่สะสมมา เสียหายไปอย่างน่าเสียดาย
ในการบริหารจัดการกรมธรรม์ประกันชีวิตเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดถ้าหากเจอปัญหาสิ่งแรกที่ควรทำคือตั้งสติรวบรวมทบทวนกรมธรรม์ที่มีในมือทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง
สอดคล้องกับปัญหาที่กังวลใจ หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ เรียงลำดับความสำคัญในแต่ละเล่มกรมธรรม์
แทนที่จะหยุดจ่ายทันทีคุณยังมีหลายหนทางเลือกในการบริหารจัดการ
ที่ช่วยให้คุณรักษาความคุ้มครองไว้ได้ โดยไม่กระทบหนักกับการเงินปัจจุบัน
บางทีอารมณ์เพียงชั่ววูบ อาจทำให้สิ่งที่คิดว่าเป็นภาระ (ชั่วคราว)นี้ ทำให้ต้องเจอกับฝันร้ายไปตลอดชีวิ
เรามาดู 6 ทางเลือกจัดการเบี้ยประกัน เมื่อเงินตึงตัวกันดูค่ะ

1. ปรับเปลี่ยนวิธีการชำระเบี้ยประกัน
- จากเดิมรายปี → เป็นราย 6 เดือน →เป็นราย 3 เดือนหรือเป็นรายเดือนได้เพื่อให้ภาระเบาลง
- เหมาะกับคนที่มีรายได้ไม่แน่นอน การเงินตึงมือชั่วคราว แต่ยังอยากรักษากรมธรรม์ไว้
- ไม่เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ที่พึงได้รับในกรมธรรม์
2. ใช้สิทธิ์ขยายระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period)
- บริษัทประกันชีวิตส่วนใหญ่ให้เวลา 30 วัน หลังวันครบกำหนด
- ในช่วงนี้กรมธรรม์ยังคงความคุ้มครองอยู่
- ใช้เวลาเพื่อหมุนเงินหรือจัดการกระแสเงินสดก่อน
3. ขอเปลี่ยนแปลงรูปแบบกรมธรรม์ (Policy Adjustment)
- ทำเรื่องลดจำนวนเงินเอาประกันภัยลง เพื่อลดเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย
- ทำเรื่องเปลี่ยนแปลง ลดลง ตัดออก ในสิ่งที่ไม่ใช่ ปัญหาที่กังวลใจมาก แต่ยังคงความคุ้มครองสำคัญที่จำเป็นไว้
4. ใช้สิทธิ์กู้เงินจากกรมธรรม์ (Policy Loan)
- ถ้ากรมธรรม์ของคุณมี มูลค่าเงินสด (Cash Value) สามารถกู้มาใช้ชั่วคราวได้ บนมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าใช้บริการกู้นอกระบบที่อาจยิ่งซ้ำเติมในภาวะเงินตึงมือ
5. การกู้เบี้ยประกันอัตโนมัติ Automatic Premium Loan (APL)
- เรียกว่าสินเชื่อเบี้ยประกันอัตโนมัติเป็นการที่บริษัทประกันนำมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ไปชำระเบี้ยประกันที่ค้างชำระให้โดยอัตโนมัติเพื่อรักษาสิทธิ์ความคุ้มครองให้ดำเนินต่อไป
- เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้ยังรักษากรมธรรม์ และรักษาผลประโยชน์สูงสุดต่อไปได้
6. ใช้สิทธิ์ตามมูลค่าในกรมธรรม์
- เวนคืนกรมธรรม์ (Cash Value) : การหยุดชำระเบี้ยประกัน แล้วขอเวนคืนมูลค่าเงินสดที่มีอยู่ในกรมธรรม์คืนมา จะทำให้เราได้รับเงินก้อนตามที่กำหนดอยู่ในตารางแห่งกรมธรรม์ ควรใช้วิธีนี้หากจำเป็นจริง ๆ สามารถใช้มูลค่าเวนคืนเพื่อดึงเงินมาใช้ แต่ควรทำด้วยความเข้าใจ เพราะอาจจะกระทบต่อผลประโยชน์ในอนาคตได้ เนื่องจากการเวนคืนจะเป็นการปิดกรมธรรม์ทำให้สัญญาประกันชีวิตนี้สิ้นสุดลงทันที และที่สำคัญหากอายุของกรมธรรม์ยังไม่นานอาจจะทำให้ขาดทุนเมื่อเทียบกับเบี้ยประกันที่จ่ายมาแล้ว
- แปลงกรมธรรม์เป็นมูลค่าใช้เงินสำเร็จ : การหยุดชำระเบี้ยประกัน แล้วขอใช้สิทธิที่ทำให้กรมธรรม์ยังมีความคุ้มครองชีวิตต่อไปจนครบสัญญาเหมือนเดิม แต่มูลค่าความคุ้มครองชีวิตและเงินครบสัญญาที่จะได้รับอาจจะลดลงจากเดิม ขึ้นอยู่กับมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์นั้น ๆ *ควรทำความเข้าใจให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะจะกลับคืนสถานะเดิมไม่ได้แล้ว
- แปลงกรมธรรม์เป็นมูลค่าขยายเวลา : การหยุดชำระเบี้ยประกัน แล้วขอใช้สิทธิที่ทำให้กรมธรรม์ยังมีความคุ้มครองชีวิตต่อไป โดยที่มูลค่าความคุ้มครองชีวิตเท่าเดิม แต่ระยะเวลาความคุ้มครองชีวิตของสัญญาจะเปลี่ยนไปตามที่ได้กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ *ควรทำความเข้าใจให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะจะกลับคืนสถานะเดิมไม่ได้แล้วเช่นกัน